ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเป็นประธานการตรวจเยี่ยมการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) การฝึก ทร.๖๗

เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ พลเรือโท สมรภูมิ จันโท ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเป็นประธานการตรวจเยี่ยมการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) การฝึก ทร.๖๗ โดยมีผู้บังคับบัญชากองทัพเรือ และ กองทัพไทย ร่วมคณะตรวจการฝึกฯ ณ สนามฝึก ทร. หมายเลข ๑๖ บ้านจันทเขลม อำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี

 การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง นั้น เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (FTX) ในการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๗ ซึ่ง เป็นการฝึกปฏิบัติการจริงของหน่วยกำลังรบประเภทต่าง ๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล โดยมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการและทดสอบความพร้อมทั้งด้านกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวความคิดในการจัดฝึกที่ว่า “ฝึกฝนให้ชำนาญ เพื่อพร้อมปกป้องอธิปไตยให้น่านน้ำไทย”

 สำหรับการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง จะทำการเข้าตี ยึดครอง รักษาที่หมายและสถาปนาเส้นแนวหัวหาดพร้อมทั้งสนับสนุนการเข้าตีด้วยการยิงอาวุธสนับสนุน ของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) และหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) รวมถึงร้องขอการโจมตีเป้าหมาย High Value Targets จากกองทัพอากาศ ซึ่งได้จำลองสถานการณ์และพื้นที่การฝึก มาที่สนามฝึก กองทัพเรือหมายเลข ๑๖ โดยมีกำลังพลเข้ารับการฝึกทั้งสิ้น ๕๙๔ นาย แยกเป็น กำลังพลนาวิกโยธินจำนวน ๔๐๐ นาย  กำลังพลจาก กองการบินทหารเรือจำนวน ๕๐ นาย กำลังหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานรักษาฝั่ง ๖๐ นาย กำลังพลในส่วนของกองทัพบก จาก กองพลทหารราบที่ ๒ รักษาพระองค์ จำนวน ๗๒ นาย และกำลังพลจาก กรมปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน กองทัพอากาศ ๑๒ นาย

  สำหรับอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการฝึก ในส่วนของกองทัพเรือประกอบด้วย ยานรบสะเทินน้ำสะเทินบก AAV ๖ คัน ยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16 ๓ คัน ยานเกราะล้อยาง BTR -3E1 จำนวน ๕ คัน รถยนต์บรรทุกฮัมวี่ ๔ คัน ปืนใหญ่สนามขนาด ๑๕๕ มม. จาก หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยละ ๒ กระบอก  พร้อมด้วยระบบค้นหาเป้าหมายทางบก ซึ่งมีเรดาร์ตรวจการณ์   ARTHUR MOD – C  เป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ใช้ในการระบุตำแหน่งฐานยิงอาวุธของฝ่ายตรงข้ามและตรวจตำบลกระสุนตก

  A560 ปืนใหญ่สนามขนาด ๑๐๕ มม. ๒ กระบอก ปืนต่อสู้อากาศยานขนาด ๔๐/๖๐ มม. ๒ กระบอก อาวุธยิงสนับสนุนภายในอัตรากองพันทหารราบ ชุดแทรกซึมทางอากาศจากกองพันลาดตระเวน  กองพลนาวิกโยธิน อากาศยานไร้คนขับแบบM SOLAR-X 1 ระบบ อากาศยานที่ร่วมการฝึก ประกอบด้วยเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลดอร์เนียร์ ในการส่งชุดแทรกซึมทางอากาศ เครื่องบินตรวจการณ์ชี้เป้าแบบ T-337 ในการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด Close Air Support (CAS ) และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบ EC-645 ในการส่งกลับสายแพทย์ 

  ในส่วนของกองทัพบก ได้จัดรถถังหลักแบบ T-84 (OPLOT ) จำนวน ๕ คัน เข้าร่วมการฝึกในการดำเนินกลยุทธ์เข้าตีและยึดครองที่หมาย ในขณะที่กองทัพอากาศจัด เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน ๒ เครื่องในการขัดขวางกำลังเพิ่มเติมของฝ่ายตรงข้าม  โดยชุดควบคุมอากาศยานโจมตี Combat Control Team จากกรมปฏิบัติการพิเศษหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน แนะนำการติดต่ออากาศยานเข้าพื้นที่การรบ

 สำหรับผลที่ได้รับจากการฝึกในครั้งนี้ นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจะได้รับความรู้ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกแล้ว ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังพลที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับเหล่าทัพอื่น เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจ โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  โอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือได้กล่าวให้โอวาทและให้กำลังใจแก่กำลังพลที่เข้ารับการฝึกโดยมีใจความสำคัญว่า

 “ทุกคนเหน็ดเหนื่อย ต้องฝึกให้เก่ง ภารกิจของของเรามีราคาแพงมาก คือคำว่าอธิปไตย เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจฝึกให้ดี ฝึกเน้นไปเรื่อย ๆ กองทัพเรือจะดูแลซื้อ จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย แล้วก็ดูแลสวัสดิการพวกเราให้ดี”