ยุทธภูมิเลื่อที่ "ภูหินร่องกล้า" ตอนที่ ๒

Release Date : 13-04-2023 00:00:00
ยุทธภูมิเลื่อที่ "ภูหินร่องกล้า" ตอนที่ ๒

ยุทธภูมิเลือดที่ "ภูหินร่องกล้า"

ตอนที่ ๒

โดย นาวาเอก (พิเศษ) สุรชัย สหภิญโญชนม์
 
 
การฝึกเพื่อเตรียมรบ
 
          เนื่องจาก นย. ยังขาดประสบการณ์ในการรบจริง การประกอบกำลังพลเป็นหน่วยใหญ่และพื้นปฏิบัติการก็แตกต่างจากที่ นย. คุ้นเคย อีกทั้งเป็นงานใหญ่งานแรก จึงพลาดไม่ได้ แพ้ไม่ได้ ดังนั้น ผบ.ผส.นย.จึงเน้นการฝึกเตรียมเป็นหัวใจสำคัญที่สุด และถือได้ว่าการฝึกเตรียมสำหรับยุทธการสามชัย เป็นการฝึกเตรียมเพื่อการปฏิบัติการรบที่สมบูรณ์ที่สุดที่ นย. เคยกระทำจนกระทั่งบัดนี้ (พ.ศ.๒๕๕๘) โดยแบ่งการฝึกออกเป็นขั้น ๆ ดังนี้
            ขั้นที่ ๑ เป็นการฝึกเตรียม (ตั้งแต่ ๓ ก.ค.- ๒๕ ส.ค.๑๕) ณ พื้นที่ อ.สัตหีบ จว.ชลบุรี อ.แกลง จว.ระยอง และ อ.มะขาม อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี ซึ่งทำการฝึกในเรื่องต่าง ๆ ประกอบด้วย
- อาวุธศึกษา และการยิงอาวุธทุกชนิด
- แผนที่เข็มทิศ
- การปฐมพยาบาล
- วัตถุระเบิด และกับระเบิด
- สัญญาณ
- การต่อสู้ป้องกันตัว
- การเดินทางในป่า ภูเขา และการดำรงชีพในป่า
- การลาดตระเวน
- การเข้าฐานปฏิบัติการในป่า
- การชุ่มโจมตี และการต่อต้านการชุ่มโจมตี
- การเข้าตีที่มั่นแข็งแรง
- การปฏิบัติการโดยฉับพลัน
          ดำเนินการฝึกเป็นสถานี จัดให้มีครูฝึกประจำสถานี ใช้หลักฐานการฝึกทั้งจากของทหาร MARINES สหรัฐ และจากหลักสูตรการรบในป่าของ ทบ.อังกฤษ ในช่วงหลังของการฝึกจัดเป็นหน่วย หมู่ หมวด และกองร้อย ในขั้นสุดท้ายกองร้อยปฏิบัติการ ๕ วัน (โดยไม่มีการเพิ่มเดิมเสบียงให้ ประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ ทบ. และ ตชด. เคยประสบ จุดอ่อนจุดแข็งของ ผกค.จะได้รับการบอกเล่า ชี้แจง แก๊ไข ป้องกัน และเตรียมเอาไว้รุกตอบโต้ เช่น การยิ่งปืนเล็กป้องกันฐานที่ตั้งในเวลากลางคืน (ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง จะเป็นการเปิดแนวตั้งรับให้ ผกค.ทราบ) ยกเว้น ผกค.บุกเข้าตีฐานเป็นการรบประซิด จำเป็นต้องเปิดแนวรบ และตีตอบโต้ชั้นเด็ดขาด การหยุดตั้งฐานหลายวันจะถูก ผกค.ตรวจพบ หลีกเลี่ยงการเดินตามเส้นทางจะโดนชุ่มโจมตี การเอาน้ำตามลำธารในภูมิประเทศ แหล่งน้ำที่สะตวกจะมีกับระเปิดหรือถูกซุ่มยิง การหาน้ำจากตันกลัวยทำให้ทหารฝ่ายเราไม่อดน้ำตาย ผลการฝึกเป็นที่น่าพอใจมาก
 
การฝึกในพื้นที่คล้ายพื้นที่จริง
          การฝึกในขั้นที่ ๑ ซึ่งได้กล่าวมาบ้างแล้ว (ตั้งแต่ ๓ ก.ค.- ๒๕ ส.ค.๒๕๓๕) นั้น ทหารทุกคนจะเข้ารบในสนามจริง เป็นครั้งแรกของทหารนาวิกโยธินที่จะไต้คู่ต่อสู้ที่สมนั้ำสมเนื้อ เพราะอดีตเป็นเขตอิทธิพลของ กองกำลังทัพปลดแอก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เขตพื้นที่ ๒๓ เคยยึดครองมาก่อน ทหารทุกคนมีความกระตือรือร้น ตั้งใจให้ดีที่สุด ทุกคนมีสิทธิ์ตายได้ ถ้าพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีอาจเสียชีวิตได้ทันที ซึ่งจะต้องเรียนรู้ปัญหาและการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ได้
 
          พัน.ร.ในชั้นแรกให้ ร้อยปืนเล็กทั้ง ๓ กองร้อย เข้ารับการอบรมในห้องเรียน สอนการดำเนินกลยุทธ์ของหน่วย การลาดตระเวน การซุ่มโจมตี การหลบหลีก-หลีกหนี การคันหา การเข้าตรวจค้น การเข้าพิสูจน์ทราบ ทบทวนปัญหา และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในกรณีฝ่ายเราถูกซุ่มโจมตีหรือฝ่ายเราวางแผน จะเป็นฝ่ายชุ่มโจมตีบ้าง การเข้าตรวจคัน การเข้าพิสูจน์ทราบ จะวางกำลังคุ้มกันอย่างไร เหล่านี้เป็นต้น
 
          การรบบนภูเขา ป่ารกทีบ อาวุธปืนเล็กมักใช้ไม่ได้ผลมีสิ่งกีดขวางมากมาย และผู้ก่อการร้ายจะรบแบบจรยุทธ์ ทำการรบแบบกองโจร กำลังรบน้อยกว่าฝ่ายทหารมาก มีความคล่องตัวสูง ชำนาญภูมิประเทศ เพราะเป็นถิ่นที่ทำมาหากิน เก็บของป่า ล่าสัตว์ ตัดไม้ เป็นอาชีพฉะนั้นจึง "รบแบบตีหัวเข้าบ้าน" มีที่พักเป็นหย่อม ๆ ตามไหล่เขาหุบเขาใกล้แหล่งน้ำ จะจัดตั้งหัวหน้ากลุ่ม รวมตัวกันได้เร็วและแยกย้ายหนีเร็วอีกต่างหาก อาศัยภูมิประเทศเป็นฉากกำบัง จะมีความชำนาญในการวาง "กับระเบิด" เกาะติดฐานที่ตั้งตลอด มีโอกาสก็ซุ่มยิงแล้วหลบหนีอย่างรวดเร็วถ้ามีโอกาสใช้เส้นทางซุ่มยิงเหมาะ สถานที่บีบบังคับ วางแผนชุ่มยิงเป็นเขง "Kiling Zone" เช่น การซุ่มยิง หมวด ปล.ทบ.ที่ผ่านมา ทำให้ทหารเสียชีวิตจำนวนมาก ละลายทั้งหมวด เพราะความประมาท คิดว่าไม่มีอะไร ความประมาทจึงเป็นบ่อเกิดแห่งความตาย
 
          ทหารราบต้องใช้ปืนใหญ่ให้เป็น เป็นหน้าที่ของนายทหารตรวจการณ์หน้ามือหนึ่งจากปืนใหญ่ ทั้ง ๓ คน ต้องสอนให้ทหารราบขอยิงปืนใหญ่เป็น ปรับการยิงได้ ทั้งขู่ทั้งปลอบอย่าคิดมีป็นประจำกายจะช่วยได้ เพราะยิงไปก็โดนต้นไม้ ป่าดงดิบ มองไม่เห็นตะวัน เป็นป่ารกทึบมาก ยามคับขันปืนใหญ่เท่านั้นจะเป็นเพื่อนที่ตี ช่วยแก้ปัญหาให้ในกรณีย์ถูกล้อมกรอบ ฝึกให้เป็นการขอยิงปืนใหญ่มี ๓ วิธี ขอแบบพิกัด แบบโปล่าร์ และแบบย้ายจากจุดอ้าง สอนทุกคนให้เข้าใจจริง ๆ ไม่ได้เรียนเพื่อไปสอบแข่งขัน แต่เรียนเพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้จริง ทหารราบกลัววิชาปืนใหญ่มากที่สุด มีคำนวณเรียนยาก สอนเจาะเฉพาะที่จะเอาไปใช้งานจริงเท่านั้น ขู่เอาไว้ทหารราบคนใดขอยิงปืนใหญ่ไม่เป็น ปรับการยิงก็ไม่ได้อาจจะพาลูกทีมไปตายได้ ทหารไม่ต้องกลัวปืนใหญ่ เห็นแต่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ที่กลัวปืนใหญ่มากที่สุด จู่ ๆ ไม่รู้ว่าลูกยาวมาจากทางไหน "วีตบึ้ม" ถ้าเสียงปืนอาก้าร์จะมี "เสียงดัง ปร็อด ปร็อด" เสียงปืน M.16 จะมี "เสียง ปรับ ปรับ" เสียงสะท้อนในป่ารกทึบ ถ้าอยู่ใกล้เสียงก้องมาตามสันเขา จะรู้ทันที่ว่าใครเป็นฝ่ายยิงก่อนหรือยิงที่หลังฟังจนชินหู (สมัยรบเขมร-เวียดนาม ตามตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูซา ด้านจันทบุรี-ตราด)
 
          การเลือกเทือกเขาที่สลับซับซ้อนให้คล้ายพื้นที่จริงมากที่สุด สูงชันให้ปืนลำบาก ใช้เทือกเขาหลังวัดโป้งโรงเซน อ.มะขาม และ อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี เป็นพื้นที่ฝึกในภารกิจแรกป่าดงดิบหุบเหวลึกมาก ชื้นแฉะ อากาศเย็น ตัวทากเยอะ (ทากพลร่มเกาะตามใบไม้ เดินผ่านจะดีดตัวเกาะทันที) เวลาดูดเลือต ๆ จะไม่แข็งตัว ต้องเอาขี้บุหรี่ หรือแป้งฝุ่นอุดแผล กดไว้จนเลือดหยุดใหล ภารกิจแรก ภูเขาหลังวัดโป่งโรงเซน (กำหนดเป็นสถานีฝึก ๑๒ สถานี) ได้แก่ อาวุธศึกษาและการยิงอาวุธทุกชนิด ฝึกภาคสนามให้เหมือนเข้ารบในพื้นที่จริง การลาดตระเวน การขอยิงป็นใหญ่ การปรับการยิงแบบ DRY FIRE (ยิงแห้ง) ไม่ยิงจริง ชุดตรวจการณ์หน้าลุยป่าไปด้วยคอยเป็นพี่เลี้ยงให้ทหารราบกล้าขอยิงปืนใหญ่ให้เป็น ปรับปืนใหญ่ให้เป็น ให้คำแนะนำแก้ไขในส่วนที่ไม่ถูกต้อง ทางข่ายสื่อสารต้องให้ทหารราบมีความมั่นใจในการใช้ปืนใหญ่ ให้เป็นประโยชน์มากที่สุดตามสโลแกน "สอนดี สอนทน สอนคนให้เข้าใจ" กินนอนในป่าทึบ หลังจากการฝึกระดับหมู่ระดับหมวดมาอย่างดีแล้ว ในขั้นตอนสุดท้ายฝึกภาครวมระดับกองร้อย ปล่อยขึ้นเขาให้ดำรงชีพในป่าดงดิบ ๕ วัน โดยไม่มีการส่งเสบียงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ออกฝึกต้องปฏิบัติให้เหมือนจริงทุกอย่างตั้งฐานปฏิบัติการ การขอยิง Marking Round ให้ปืนใหญ่หาที่อยู่ให้ ออกทำการลาดตระเวนคันหา พิสูจน์ทราบ วางแผนชุ่มโจมตีเมื่อมีโอกาส ตั้งฐานปฏิบัติการ วางจุดป้องกันฐาน Def Con/Def Tar ส่งหลักฐานให้ปืนใหญ่ เพื่อคำนวณหาหลักฐานยิงเอาไว้ ขอยิงจุดใดยิงได้ทันทีโดยไม่ซักช้า ในพื้นที่จริงฝ่ายเราเริ่มกวาดล้างจากทิศใต้ ตีขึ้นเหนือตลอดมุ่งไปเป้าหมายหลัก "หินร่องกล้า" รอยต่อซึ่งอยู่ในเขต อ.นครไทย จว.พิษณุโลก ที่สำคัญ "ภูลมโลเหนือ" รอยต่อซึ่งอยู่ในเขต อ.ด่านซ้ายจว.เลย ทหารนาวิกโยธินต้องทำให้ได้และสำเร็จ เป็นการปฏิบัติระดับชาติพลาดไม่ได้ ทุกคนกลัวตายกันทั้งนั้น แม้แต่ตรวจการณ์หน้าก็มีสิทธิ์ตายได้เช่นกัน ทหารทุกคนมีความตั้งใจต้องไปเจอของจริง อาวุธจริง มียิงระเบิด M.79, ยิงจรวด RPG กับระเบิดมีจริงจะฝึกเล่น ๆ แบบข้าศึกสมมุติคงไม่ได้แล้ว พลาดตายลูกเดียว ภารกิจแรกทดสอบความอดทน ความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากยังน้อยนักเพราะยังไม่มีคู่ต่อสู้จริงเพียงฝึกเท่านั้น ต้องใช้ความรู้ที่ได้อบรมมาฝึกปรือให้เกิดความชำนาญ ให้มีประสบการณ์ที่จะต่อสู้ในสนามรบจริง ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนักพวกเราจะได้พบกับของจริงแน่นอน
 
          ภารกิจที่ต้องปฏิบัติการฝึกต่อเนื่อง ฝึกปีนเขา เดินป่า ตั้งฐานปฏิบัติการ หาที่อยู่ทำได้ยาก พื้นที่จริงเป็นป่าดงดิบ เทือกเขาสลับชับซ้อน การหาที่อยู่ฐานปฏิบัติการ ต้องขอยิงแบบ MARKING ROUND ด้วยกระสุนควันแตกอากาศ ให้ทุกคนขอยิง ผิดสอนแก้ให้ถูก ส่วนมากจะบ่งแตกอากาศ ๔๐๐ การวัดมุมภาคด้วยเข็มทิศ จากจุดกระสุนแตกลากเส้นดิ่งด้วยสายตาลงมาตรงจุดไหน แล้ววัดมุมภาคด้วยเข็มทิศได้ระดับขนานกับพื้นติน ปรับกระสุนควันให้แตกตรงศีรษะตัวเอง แจ้งปืนใหญ่ขอพิกัดที่ตั้งฐานปฏิบัติการด้วย (ปืนใหญ่หาที่อยู่ให้) สอนให้เข้าใจ เพราะต้องนำไปใช้จริง เมื่อเข้าฐานทุกครั้งต้องหาที่อยู่ตนเอง ปีนใหญ่จะได้ช่วยท่านได้ เปลี่ยนพื้นที่ฝึกเป็นเทือกเขาเกลือ (เขาแกลบ) อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี เริ่มขึ้นเขาจากหลังวัดโป้งโรงเซ็น มองดูแล้วเตี้ยกว่าเขาสระบาป อ.มะขาม จว. จันทบุรี เห็นเตี้ย ๆ แต่ความลาดซันเหนือเขาสระบาป กำหนดเป็นสถานการณ์ให้แต่ละหมวดได้ปฏิบัติ เดินป่ารุกคืบหน้าเข้าปราบปราม ตรวจค้น พิสูจน์ทราบให้แยกไปปฏิบัติการ ตั้งฐานนอนค้างแรม การขอยิง MARKING ROUND เพื่อหาที่อยู่ตรวจการณ์หน้าเฝ้าฟังสอนแนะนำให้ถูกต้อง ให้แต่ละหมวดวาง DEF CON หรือ DEF TAR วางจุดยิงป้องกันฐานแจ้งให้กองร้อยปินเพื่อหาหลักฐานยิงเอาไว้ ขอให้ยิงจุตใดปีนใหญ่ซึ่งมีหลักฐานยิงอยู่แล้ว ยิงได้ทันทีไม่ซักช้า ฝึกให้ชำนาญให้มีประสบการณ์ เดินรุกคืบหน้าตลอดแนวเทือกเขา มีดค่ำที่ไหนตั้งฐานกันที่นั่น จนครบ ๕ วัน ผู้บังคับหมวด ผู้บังคับหมู่ และข้าราชการ ร้อย.ปืนเล็กที่ ๑ ต่างชมว่าปีนใหญ่สอนเข้าใจจริง ๆ ทุกคนมีความมั่นใจสูง พร้อมที่จะเข้ารบเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อปกป้องประเทศชาติต่อไป การฝึกภาคสนามของ พัน.ร.นาวิกโยธินเพิ่มเติมกำลัง ใช้เวลาในการฝึกเตรียม ๑ เตือนเต็ม ทำให้ทหารมีความรู้ มีความช่ำซอง มีความชำนาญและมีประสบการณ์มากขึ้น และมีความเชื่อมั่นในตนเอง โดยเฉพาะความรู้ด้านปีนใหญ่ อัดความรู้ความเข้าให้เต็มที่ และนายทหารตรวจการณ์ที่สมทบไปกับ ร้อย.ปืนเล็ก จะเป็นพี่เลี้ยงให้ตลอดการรบ อาวุธปืนเล็กเอาไว้ป้องกันตัวในการรบประซิดเท่านั้น โยนลูกปืนใหญ่ให้ผู้ก่อการร้าย "วี๊ด..บึ้ม" ก็หนีกระจัดกระจายหัวซุกหัวซุนแล้ว จะเข้าตรวจคันหรือเข้าพิสูจน์ทราบ ถ้าไม่แนใจหรือสงสัย อาจมีผู้ก่อการร้ายชุ่มรอจังหวะตักยิง ควรถามทางด้วยลูกปืนใหญ่ บางทีการรุกของฝ่ายเราต้องการความลับเช่นกัน ใช้ปืนใหญ่เมื่อจำเป็น เป้าหมายคุ้มค่า ใช้พิจารณาญาณให้เหมาะสม ฝึกภาคสนาม เตรียมความพร้อมรบได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อย เดินทางกลับที่ตั้งปกติ
 
          ขั้นที่ ๒ เป็นการฝึกในพื้นที่ปฏิบัติการ (ตั้งแต่ ๖ - ๒๖ ก.ย.๑๕) โดยเคลื่อนกำลังไปฝึกบริเวณ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จว.เพชรบูรณ์ กำลังพลกระทำการฝึก คือ ๒ กองร้อยปีนเล็ก และ ๑ หมวดลาดตระเวน เป็นการฝึกในลักษณะปฏิบัติการจริงใช้กระสุนจริง และฟื้นที่ป่าเขาของพื้นที่ปฏิบัติการจริง แต่เป็นพื้นที่ชายขอบพื้นที่ ผกค.ไม่มีการปฏิบัติการหนาแน่น ทำการฝึกในขนาดหน่วยหมวดปืนเล็กปฏิบัติการ ๕ - ๖ วัน โดยไม่ส่งกำลังบำรุง ในลักษณะทำการลาดตะเวนรบ คันหาทำลาย เข้าพิสูจน์ทราบ ร้อย.ปืนเล็กที่ ๑ สมทบด้วยชุดตรวจการณ์หน้าปืนใหญ่ (นตน.ป.) ร.ต.สุรชัย สหภิญโญชนม์ เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ บ้านน้ำก้อใหญ่ บ้านตาดฟ้า และบ้านน้ำกัอล่างลาดตระเวนรบ คันหาและเข้าพิสูจน์ทราบ มืดค่ำตั้งฐานปฏิบัติการ หาที่อยู่โดยขอยิง Marking Round (ยิงแห้ง Dry Fire) ฝึกเพื่อให้ระดับหมวดปืนเล็กเข้าใจในการขอยิงปืนใหญ่มากขึ้น ทำการรุกจากพื้นที่ อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า จวเพพรบูรณ์ มุ่งหน้าตีขึ้นไปทางเหนือ เข้าฟื้นที่จริงรุกจากทิศใต้ตีขึ้นไปเหนือตลอดเขตรอยต่อ อ.นครไทย จว.พิษณุโลก และรอยต่อฟื้นที่ อ.ด่านซ้าย จว.เลย
 
           การฝึกหน่วยระดับหมวดปืนเกในการปฏิบัติการในลักษณะลาดตระเวนรบ ค้นหาพิสูจน์ทราบทำลาย ผลการฝึกในขั้นนี้ได้ประโยชน์มาก ทำให้กำลังพลได้ทราบภูมิประเทศจริง ๆ เช่น
           ป่าไม่ทึบเกินไป และบางแห่งทึบมากจนมองไม่เห็นแสงตะวันก็มี (เมื่อปี ๒๕๑๕ มิใช่ปัจจุบัน ๒๕๖๖)
           ภูเขาสูงชัน ไม่เป็นอุปสรรคแก่ทหารนาวิกโยธิน เพราะได้ฝึกปีนเขาที่จันทบุรี ซึ่งสูงมาก ๆ มาแล้วทุกคน
           กำลังพลมีความมานะอดทนสูงอย่างน่าซมเชย สามารถแบกสัมภาระต่าง ๆ ปีนขึ้นเขาลงเขาได้ โดยไม่ย่อท้อ
           ผลการฝึกเป็นที่น่าพอใจมาก และการฝึกในขั้นนี้ทำให้คนนำทางซาวมังที่ ทภ.๓ เตรียมไว้ให้ นย.หมดความจำเป็น เนื่องจากชาวม้งนำทางเหล่านี้ รู้เฉพาะเส้นทางเดินที่เขาเคยใช้ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งเท่านั้นเหมือนการเดินตามชนบทพื้นราบ ซึ่ง นย.ไม่เดินตามนั้น เพราะจะไปเข้าที่ซุ่มโจมตีของ ผกค. แต่ นย. เดินตามเข็มทิศลัดเลาะ ตัดป่ามุ่งตรงไปหาที่ตั้งของ ผกค. (ฝึกสอนการใช้แผนที่เข็มทิศให้เก่งทุกคน) เข้าพื้นที่รบจริงต้องใช้ "เผนที่ - เข็มทิศ" ในการเดินป่ารุกเข้าหาที่ตั้งของ ผกค.ทุกภารกิจ
 
           ขั้นที่ ๓ เป็นการฝึกเพิ่มเติม (ตั้งแต่ ๘ - ๒๗ ต.ค.๑๕) เพื่อฝึกซ้ำและเพิ่มเติมให้เกิดความชำนาญขึ้นไปอีก ทำการฝึกในพื้นที่สัตหีบ ระยอง และจันทบุรี วิชาที่ฝึก ได้แก่
           การขอยิงและปรับการยิงปืนใหญ่ ด้วยกระสุนจริงโดย ผบ.หมู่ และ ผบ.หมวดทหารราบ ณ สนามยิงปืนใหญ่ บ้านพังงอน อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี ยิงเป้าหมายตามเหตุการณ์การยิงป้องกันฐาน และยิง Marking Round เพื่อหาที่อยู่โตยให้ปืนใหญ่หาที่อยู่ให้ ทำการฝึกคนละหลายภารกิจ เพื่อให้เกิดความชำนาญและมีความมั่นใจ นตน.ป. (ร.ต.สุรชัย สหภิญโญชนม์) เป็นพี่เลี้ยงให้ตลอด การฝึกยิงด้วยกระสุนจริง ทหารราบชมการฝึกและสอนเข้าใจดี ได้รับความรู้จากปืนใหญ่จริง ๆ ต้องสอนให้เข้าใจ เพระต้องไปใช้ในสนามรบจริง เวลาทำการลาดตระเวน และตั้งฐานปฏิบัติการในแต่ละวัน ต้องขอยิง Marking Round และปรับการยิงเป็นวางเป้าหมายป้องกันฐานและเข้าใจจุดยิงป้องกันฐานแต่ละจุด สอนให้ทหารราบเข้าใจอย่างถ่องแท้การฝึกใช้รหัสสื่อสาร โดย ผบ.หมู่ และ ผบ.หมวดทหารราบ
การรบบนภูเขา และป่า
การยิงปืนในป่า
การเข้าตีที่มั่นแข็งแรง
การปฏิบัติโดยฉับพลัน
การขว้างระเบิด
การยิงปืนในเวลากลางคืน
การฝึกพลแม่นปืน โดยให้แต่ละหมู่คัดเลือกพลทหาร และจ่าที่ยิงปืนแม่น ทำการฝึกยิงเป้าจนชำนาญ ในลักษณะการยิงแบบพลแม่นปืนชุ่มยิง
          หลังจากการฝึกเตรียมอย่างเข้มข้นเช่นนี้ ทำให้กำลังพลทุกคนมีขวัญและกำลังใจดีมากทุกคนมีความมั่นใจในขีดความสามารถของตนเองและของหน่วย มีความรักหมู่คณะ มีเรื่องและเหตุการณ์บางอย่างยืนยัน เช่น
 
            เรื่องแรกเกี่ยวกับวินัยการยิง เรากวดขันมีให้ยิงปืนเพื่อเอาเสียงปืนเป็นเพื่อน หรือเพื่อข่บความกลัว จะอิงเมื่อเห็นตัว มีเรื่องเล่ากันว่า พลทหารคนหนึ่งในการป้องกันฐานพักแรม คืนวันหนึ่งขณะมองเห็น ผกค.ที่ต้อม ๆ เกาะฐาน และพยายามยิงปืน เพื่อให้พวกเรายิงตอบโต้ จะได้เป็นการเปิดเผยแนวป้องกัน ฝ่ายเราก็เงี้ยบ ทหารคนหนึ่งมองเห็น ผกค.ยังอุตส่าห์กระซิบ ผบ.หมู่ ขออนุญาตยิงปืน เรื่องนี้เป็นการเล่าขำขันของพวกเรา แต่แสดงถึงวินัยอันดีเยี่ยมจากผลการฝึกอย่างเข้มข้น ฝึกหนัก วินัยดี
 
           เรื่องที่สอง พลทหารคนหนึ่งถูกยิงบาตเจ็บขณะออกทำการลาดตระเวน และถูกส่งกลับลงจากเขามารักษาในโรงพยาบาลสนาม (พลทหาร ปอเฮง แช่จั่ว) พอบาดแผลหายที่จะปฏิบัติงานได้ แม่ทัพภาคที่ ๓ (พล.ท.ราญ แพทยกุล) ไปเยี่ยมและถามว่า จะกลับบ้านไปพักผ่อน
ไหม ทหารผู้นั้นตอบว่า "ขอกลับขึ้นแนวรบอีก" มทภ.๓ ท่านถามว่า ทำไมไม่กลับไปพักผ่อนล่ะ ทหารผู้นั้นตอบว่า "ผมเป็นห่วง ผบ.หมู่ และเพื่อนในหมู่" ขณะนี้เหลือเพียง ๑๑ คนเท่านั้น ถูกซุ่มยิงและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ๑ คน (จ่าเอก สมศักดิ์ ไกรเนตร) ถ้ามีโอกาส ผกค.มักจะเลือกยิ่งคนที่แบกวิทยุสื่อสารก่อนเสมอ และผมมาป่วยอีก ๑ คน (หมู่ปืนเล็ก นย. มี ๑๓ คน) เมื่อผมกลับขึ้นไปจะมีคนเพิ่มอีก ๑ คน "มทภ.๓ หันไปถาม ผบ.ผส.นย." ว่า นย. ฝึกกันอย่างไร ถึงได้คนอย่างนี้ อันนี้ผู้บันทึกไว้เป็นนายทหารยุทธการทางอากาศของ กกล.นย. และ กกล.ทภ.๓ (สน.) พล.ร.ท.ทวีชัย เลียงวิบูลย์ (รอง ผบ.กร.) ได้ติดตาม ผบ.ผส.นย. ไปในคณะด้วย จึงได้ทราบเรื่องนี้และติดหูติดตามาตลอด แต่ พลทหาร ปอเฮง แซ่ฉั่ว ก็ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา นับเป็นเกียรติประวัติที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง
 
 
ขอขอบคุณ
นาวาเอก (พิเศษ) สุรชัย สหภิญโญชนม์
วารสารสารสัมพันธ์ศิษย์เก่าโรงเรียนจ่านาวิกโยธิน